ไปเที่ยวสงกรานต์ที่ลำปางมาได้ไปสาดน้ำกับเขาด้วย เฮ้อ ไม่ค่อยหนุกเลย มีแม่กับป้าๆอีก 2 คนน่าเบื่อจริง ไปเที่ยวครั้งนี้ได้ประสบการณ์แปลกๆมา 2 แบบ ใครได้ดูขุนแผนมาแล้วคงคุ้นกับคำว่า "กุมารทอง" หรือรักยม พอดีได้มีโอกาสไปเจอคนทรงเจ้าที่เป็นร่างทรงให้เทพอะไรแบบเนี่ยมาเข้าร่างแล้วช่วยเหลือชาวบ้านอ่ะ เหมือนอย่างในหนังไทยเลย แต่คนทรงคนนี้เป็นผู้หญิง เขาบอกว่าถ้าเกิดกุมารหรือเทพจะลงเขาก็จะมาลงที่ร่างเลยแล้วท่าทางก็จะเปลี่ยนไปตามเทพนั้นๆนะแหละ ผมเองก็ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อเท่าไรแต่ก็ไม่หลบหลู่ แต่ก็อยากเห็นเหมือนกัน พอดี๊ ได้ไปเล่นทรงกรานต์ด้วยกัน ก็นั่งข้างหลังนะแหละนั่งด้วยกัน นั่งไปนั่งมาเขาสาดน้ำกันสนุก กุมารอยากเล่นด้วยก็เข้าร่างเขาเลย เขาจะหาวดังๆก่อนหลายที แล้วพอกุมารเข้าร่าง จากป้าผู้หญิงก็กลายเป็นเด็กไปเลย ท่าทางการทำตัวเหมือนเด็กๆ เสียงก็กลายเป็นเด็ก แปลกดีแฮะ ก็นั่งคุยกันนิดหน่อย เขาบอกว่าอายุน้อยกว่าผมปีนึง แต่ร่างเขาอายุแค่ 8-9 ปี (น้อยกว่าผมปีก็ประมาก 21-22 ปีอะดิ) แม่ถามเขาว่าผมมีแฟนยัง? เขาก็บอกว่ามีแล้ว ผมเลยถามว่าชื่ออะไร? เงียบ? แล้วบทสนทนาก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น กว่าที่กุมารจะออกจากร่างก็เกือบ 5 ชั่วโมง ผมคิดว่าพี่เขาคงเหนื่อยมากเลย คิดๆแล้วก็แปลกดีแฮะส่วนวันต่อมาผมก็ได้เดินทางขึ้นไปบนดอย เข้าไปในหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าเย๊าหรืออีก้อเนี่ยแหละ จำไม่ได้ อากาศบนดอยนั้นดีมากๆ เย็นๆ วิวสวย เขาต้อนรับเราดีมาก พอตกเย็นพี่คนที่พาไปก็บอกว่าจะพาไปส่องเรา เราก็อยากไปเพราะไม่เคยนั่งห้างดูสัตว์ป่าตอนกลางคืนมาก่อน เขาบอกว่ามีหมูป่าเยอะ เก้งก็พอมี ไอ้เราก็เลยไปกับเขาด้วย ก็มีชาวเขาติดรถไปด้วยกัน เขามีปืนกันทุกคนเลย คงเอาไว้ล่าสัตว์ ไปๆมาก็มีคนประมาณ 7 คนได้(รวมผมแล้ว) พอถึงที่เขาก็จิดรถแล้วก็แจกไฟฉายมาให้ผมอันหนึ่ง เป็นแบบติดบนหัว เริ่มงงๆแล้ว พอดีเขาก็เปลี่ยนเป็นไฟฉายแบบกระบอกมาให้แทน เสร็จแล้วก็แจกปืนมาให้ 1 กระบอก ปืน?? เอาไปทำอะไร ไม่ใช่ไปส่องสัตว์เหรอ นี่มันไปล่าสัตว์แล้วนี่นา คนละความหมายแล้ว เฮ้ยไม่เอาๆ ไม่ยิงๆ เขาก็บอกให้ติดตัวไว้ เผื่อใช้ยิงเล่น แถมถามว่าจะเอามีดไหม ไอ้มีดเดินป่าอันยาวๆอ่ะ เฮ้อ เอาก็เอาว่ะ ตามเขาไปเข้าป่า เนื่องจากเราเป็นมือใหม่เขาเลยให้เราไปกับชาวเขาคนหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้แล้ว ไม่ คึ ก็ สู เนี่ยล่ะ) ไปกัน 2 คน เดินลงข้างทางไปเลย ไปไม่ไกลเท่าไร เพราะเรามือใหม่ แล้วลงไปลึกน่าดู คิดดูสิเราใส่รองเท้าแตะ แต่เดินลงหน้าผาอ่ะ หน้าผา ย้ำหน้าผา ชันสุดๆ ขนาดเขายังลื่นเลย ไอ้เราจะเหลือเรอะ ลื่นสไลด์ลงไปเลย ฮาๆ เสียงนั้นดังมาก เพราะในป่าเสียงทุกเสียงเงียบหมด เงียบสนืท แค่เราหายใจยังได้ยินเลย เรานั่งซุ่มกันอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงหมูป่าเดินมาใกล้ๆ เขาก็ชี้ให้เราดูใหญ่เลย ปากก็บอก หมู หมู ไอ้เราก็ได้ยินแต่เสียง แต่มองไม่เห็นตัวมัน ก็ตัวมันดำๆกลมกลืนไปกับต้นหญ้ากับความมืดนี่น่า ว่าแล้วพี่แกก็ประทับปืนเล็ง ไอ้เราก็ภาวนาอย่าให้เกิดการนองเลือดแถวนี้เลย ไม่เอาๆ ว่าแล้วหมูก็เงียบไป คงเดินหนีไปแล้ว โชคดีของหมู เวลาผ่านไปช้าๆ เราย้ายที่กันอีกที แล้วพี่เขาก็ตัดใบกล้วยมารองพื้นให้เรานอนรอ เพราะเขาจะลงไปลึกอีก สงสัยเราทำเสียงดังหมูเลยหนีไป เราก็เลยนอนมากลางป่าเลย มดกันเต็มไปหมด แมลงเพียบ กลัวก็กลัว กลัวงูกัด คิดมากเพราะมันเงียบ นอนเล่นสักชั่วโมง พี่เขาก็ขึ้นมาบอกว่า หมูคงไปที่อื่นแล้ว กลับกันดีกว่า เบ็ดเสร็จ 2 ชั่วโมงกับการนั่งนิ่งๆไม่กระดุกกระดิก นึกถึงครูฝึกรด.เลยว่าแค่เหยียบกิ่งไม้หักก็ตายได้ เห็นภาพแล้วครับครูขาขึ้นนั้นลำบากมาก เพราะทางชันสุดๆ รองเท้าก็แตะ ปืนก็ต้องแบก พี่เขาเดินฉับๆไป เราก็ตามแต่ทำไม่ได้ เพราะมันชันขนาดที่ว่าต้องคลานขึ้นไปเลยปีนป่ายแบบ mission impossible เลย ไม่เวอร์นะ เราต้องอาศัยเกาะต้นไผ่ดึงตัวขึ้นไป พอขึ้นไปถึงถนน หัวใจแทบจะระเบิดเพราะเต้นเร็วมาก หายใจแทบไม่ได้ เหนื่อยสุดๆ พอถึงเพิงที่พักก็นอนเลย เพราะยังไม่มีใครกลับมา สงสัยจะออกไปล่าจนถึงเช้า เราก็นอนเอาแรงล่ะ พี่เขาก็จุดไฟให้อุ่น สักพักเดียวก็มีเสียงเดินซวบๆดังมาจากข้างหลัง หมู หมู พี่แกร้องอีก (พี่แกพูดไทยไม่ค่อยได้) แล้วก็รีบดับไฟ และแล้วหมูก็หนีไปตามเคย แล้วพี่แกก็บึ่งมอเตอร์ไซค์กลับไป สักพักก็พาเพื่อนกลับมา เขาบอกว่าให้ไปส่งเรากลับที่พักก่อนเพราะเขากับพี่คนที่พาเรามานั้นคงจะล่าหมูอยู่อีกนาน (จะเอาให้ได้) ให้เราไปนอนเลยไม่ต้องรอ ไอ้เราก็เหนื่อยก็เลยกลับไปนอนที่บ้านเขา อากาศเย็นมากๆ ขนาดหน้าร้อนนะเนี่ย หน้าหนาวคงแข็งตายแน่ เป็นประสบการณ์ที่สนุกดี คราวหน้าจะฟิตร่างกายมาให้ดีและจะเอารองเท้าหุ้มส้นกับหมวกไอ้โม่งมาด้วย ถ้าให้ดีจะเอาแว่น infrared มา ฮาๆๆๆ